อยากเป็นบาริสต้า Barista ต้องรู้ กาแฟ (การชงมีกี่แบบ)
- southernwebandservice southernwebandservice
- 19 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 22 มิ.ย.
Barista: บาริสต้า: ผู้สร้างรสชาติและประสบการณ์ในแก้วเดียว
อาชีพบาริสต้า (Barista) ไม่ใช่เพียงผู้ชงกาแฟ แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประสบการณ์ที่ลูกค้าจะจดจำผ่านรสชาติ กลิ่น และอารมณ์ในแก้วกาแฟหนึ่งใบ
ในยุคที่ผู้บริโภคมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น และต้องการ “ความเฉพาะตัว” จากเครื่องดื่มแต่ละแก้ว บาริสต้าจึงต้อง เข้าใจเทคนิคการชงอย่างลึกซึ้ง และสามารถปรับรสชาติตามความชอบของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
🧠 ทำไม Barista ต้องรู้เรื่อง “วิธีการชง”?
การชงกาแฟแต่ละแบบไม่ได้ต่างกันแค่ขั้นตอนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อองค์ประกอบสำคัญของกาแฟ:
รสชาติ: เข้ม, เบา, ขม, หวาน, เปรี้ยว
กลิ่น: Fruity, Floral, Nutty ฯลฯ
เนื้อสัมผัส: หนักเบา, ลื่นหรือใส
ประสบการณ์ดื่ม: กาแฟแบบไหนเหมาะกับเวลาใดในวัน
บาริสต้าที่เข้าใจ "วิธีชง" จะสามารถ:
แนะนำเมนูตามความชอบของลูกค้าได้
ปรับสูตรตามแหล่งเมล็ดกาแฟ (Origin)
แก้ปัญหาหน้างาน เช่น ความไม่สมดุลของรสชาติ
และยกระดับตัวเองสู่อาชีพระดับมืออาชีพ
☕ การชงมีกี่แบบ?
นี่คือ 6 วิธีชงกาแฟหลักที่ Barista ต้องรู้จักอย่างลึกซึ้ง
1. Espresso Machine (เครื่องชงแรงดันสูง)
ใช้แรงดันน้ำ 9 บาร์ ดันผ่านผงกาแฟละเอียดในเวลา ~25-30 วินาที
ได้กาแฟเข้มข้น มี crema ด้านบน และรสชาติเข้มลึก
เป็นฐานของเมนูยอดนิยม: Espresso, Americano, Cappuccino, Latte, Mocha
📌 บาริสต้าต้องควบคุม grind size, dose, tamp pressure และ extraction time
2. Pour Over (กาแฟดริป)
ใช้แรงโน้มถ่วงให้น้ำร้อนไหลผ่านผงกาแฟบดหยาบ
ได้รสชาติใส เบา กลิ่นชัด และโปร่ง
เหมาะสำหรับเมล็ด Single Origin เช่น เอธิโอเปีย เคนยา
📌 ต้องการความแม่นยำทั้งอุณหภูมิ น้ำหนักน้ำ และรูปแบบการเทน้ำ
3. French Press (กาแฟกด)
แช่กาแฟกับน้ำร้อน 4–5 นาที แล้วใช้ plunger กดแยกผงออก
ได้กาแฟรสเข้ม หนัก มีน้ำมันจากเมล็ดกาแฟเต็มที่
ไม่มีตัวกรองกระดาษ ทำให้สัมผัสมันและเต็ม
📌 เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกาแฟรสจัด และอยากชงเองง่าย ๆ ที่บ้าน
4. Cold Brew (กาแฟสกัดเย็น)
ใช้น้ำเย็นแช่กาแฟบดนาน 12–24 ชั่วโมง
ได้กาแฟรสนุ่ม ไม่เปรี้ยว ไม่ขม ดื่มง่าย
นิยมเสิร์ฟแบบเย็น, ผสมนมหรือโซดา
📌 เป็นเมนูที่ขายดีในหน้าร้อน และเหมาะกับลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟร้อน
5. Moka Pot / Percolator
ใช้แรงดันจากไอน้ำต้มผ่านกาแฟบดระดับกลาง
ได้กาแฟเข้มคล้าย Espresso แต่มีสัมผัสที่แตกต่าง
เป็นที่นิยมในครัวเรือนอิตาลี
📌 ต้องควบคุมความร้อนและปริมาณน้ำให้แม่นยำเพื่อไม่ให้ไหม้หรือขมเกินไป
6. Syphon (ไซฟอน)
ใช้แรงดันและสุญญากาศดึงน้ำผ่านผงกาแฟ
ได้กาแฟใส กลิ่นชัด รสลึก และมีความเป็น "โชว์"
เหมาะกับการนำเสนอในร้านกาแฟระดับพรีเมียม
📌 ต้องการความรู้ทางฟิสิกส์เล็กน้อย และความชำนาญด้านการควบคุมอุณหภูมิ
🎓 เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ที่ไหน?
หากคุณหลงใหลในกลิ่นกาแฟ ความแม่นยำ และศิลปะในการเสิร์ฟ และอยากทำเป็นอาชีพจริงโรงเรียนมารุสอนอาชีพการเรือสำราญและการโรงแรมคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนรู้พื้นฐาน และการเตรียมความพร้อมสู่สายอาชีพบริการระดับนานาชาติ
💼 หลักสูตร Barista และเครื่องดื่ม โดยโรงเรียนมารุ
🔍 รายละเอียดหลักสูตร:
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ และการคั่ว
ฝึกใช้ เครื่องชง Espresso, Pour Over, Cold Brew, Syphon และอื่น ๆ
การสตีมฟองนมและ ลาเต้อาร์ต อย่างมืออาชีพ
การบริหารจัดการร้านกาแฟและการออกแบบเมนู
การบริการลูกค้าสไตล์โรงแรมและเรือสำราญ
👨🏫 เรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์จากร้านกาแฟและโรงแรมจริง📈 มีเวิร์กช็อป และฝึกงานจริงในสถานประกอบการ
✅ เหมาะสำหรับผู้ไม่มีพื้นฐาน / ผู้ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ / ผู้ต้องการทำงานสายโรงแรม เรือสำราญ หรือเปิดร้านเอง
📌 สมัครเรียนได้ที่นี่
โรงเรียนมารุ พร้อมพาคุณจากผู้หลงใหลสู่ผู้ชำนาญกับหลักสูตรที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสายอาชีพเครื่องดื่มและบริการ
🧾 สรุป: บาริสต้า = นักปรุงรสชาติ + นักบริการ + นักสร้างความสุข
กาแฟไม่ได้มีแค่วิธีเดียวในการชง และแต่ละแบบก็ไม่ใช่แค่ "ต่างกัน" แต่มี "ตัวตน" ของมันบาริสต้าที่เข้าใจวิธีชงต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง จึงสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้ทุกแก้ว
และหากคุณอยากเริ่มต้นเส้นทางสายกาแฟอย่างมั่นคงและมีทักษะครบโรงเรียนมารุพร้อมเป็นก้าวแรกที่พาคุณเติบโต
📍 เริ่มต้นวันนี้กับหลักสูตรคุณภาพ👉 www.maruchot.com












ความคิดเห็น