top of page

อยากเป็นบาริสต้า Barista ต้องรู้ กาแฟ (การชงมีกี่แบบ)

อัปเดตเมื่อ 22 มิ.ย.

Barista: บาริสต้า: ผู้สร้างรสชาติและประสบการณ์ในแก้วเดียว

อาชีพบาริสต้า (Barista) ไม่ใช่เพียงผู้ชงกาแฟ แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประสบการณ์ที่ลูกค้าจะจดจำผ่านรสชาติ กลิ่น และอารมณ์ในแก้วกาแฟหนึ่งใบ

ในยุคที่ผู้บริโภคมีความรู้เรื่องกาแฟมากขึ้น และต้องการ “ความเฉพาะตัว” จากเครื่องดื่มแต่ละแก้ว บาริสต้าจึงต้อง เข้าใจเทคนิคการชงอย่างลึกซึ้ง และสามารถปรับรสชาติตามความชอบของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

🧠 ทำไม Barista ต้องรู้เรื่อง “วิธีการชง”?

การชงกาแฟแต่ละแบบไม่ได้ต่างกันแค่ขั้นตอนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อองค์ประกอบสำคัญของกาแฟ:

  • รสชาติ: เข้ม, เบา, ขม, หวาน, เปรี้ยว

  • กลิ่น: Fruity, Floral, Nutty ฯลฯ

  • เนื้อสัมผัส: หนักเบา, ลื่นหรือใส

  • ประสบการณ์ดื่ม: กาแฟแบบไหนเหมาะกับเวลาใดในวัน

บาริสต้าที่เข้าใจ "วิธีชง" จะสามารถ:
  • แนะนำเมนูตามความชอบของลูกค้าได้

  • ปรับสูตรตามแหล่งเมล็ดกาแฟ (Origin)

  • แก้ปัญหาหน้างาน เช่น ความไม่สมดุลของรสชาติ

  • และยกระดับตัวเองสู่อาชีพระดับมืออาชีพ

☕ การชงมีกี่แบบ?

นี่คือ 6 วิธีชงกาแฟหลักที่ Barista ต้องรู้จักอย่างลึกซึ้ง

1. Espresso Machine (เครื่องชงแรงดันสูง)

  • ใช้แรงดันน้ำ 9 บาร์ ดันผ่านผงกาแฟละเอียดในเวลา ~25-30 วินาที

  • ได้กาแฟเข้มข้น มี crema ด้านบน และรสชาติเข้มลึก

  • เป็นฐานของเมนูยอดนิยม: Espresso, Americano, Cappuccino, Latte, Mocha

📌 บาริสต้าต้องควบคุม grind size, dose, tamp pressure และ extraction time

2. Pour Over (กาแฟดริป)

  • ใช้แรงโน้มถ่วงให้น้ำร้อนไหลผ่านผงกาแฟบดหยาบ

  • ได้รสชาติใส เบา กลิ่นชัด และโปร่ง

  • เหมาะสำหรับเมล็ด Single Origin เช่น เอธิโอเปีย เคนยา

📌 ต้องการความแม่นยำทั้งอุณหภูมิ น้ำหนักน้ำ และรูปแบบการเทน้ำ

3. French Press (กาแฟกด)

  • แช่กาแฟกับน้ำร้อน 4–5 นาที แล้วใช้ plunger กดแยกผงออก

  • ได้กาแฟรสเข้ม หนัก มีน้ำมันจากเมล็ดกาแฟเต็มที่

  • ไม่มีตัวกรองกระดาษ ทำให้สัมผัสมันและเต็ม

📌 เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบกาแฟรสจัด และอยากชงเองง่าย ๆ ที่บ้าน

4. Cold Brew (กาแฟสกัดเย็น)

  • ใช้น้ำเย็นแช่กาแฟบดนาน 12–24 ชั่วโมง

  • ได้กาแฟรสนุ่ม ไม่เปรี้ยว ไม่ขม ดื่มง่าย

  • นิยมเสิร์ฟแบบเย็น, ผสมนมหรือโซดา

📌 เป็นเมนูที่ขายดีในหน้าร้อน และเหมาะกับลูกค้าที่ไม่ดื่มกาแฟร้อน

5. Moka Pot / Percolator

  • ใช้แรงดันจากไอน้ำต้มผ่านกาแฟบดระดับกลาง

  • ได้กาแฟเข้มคล้าย Espresso แต่มีสัมผัสที่แตกต่าง

  • เป็นที่นิยมในครัวเรือนอิตาลี

📌 ต้องควบคุมความร้อนและปริมาณน้ำให้แม่นยำเพื่อไม่ให้ไหม้หรือขมเกินไป

6. Syphon (ไซฟอน)

  • ใช้แรงดันและสุญญากาศดึงน้ำผ่านผงกาแฟ

  • ได้กาแฟใส กลิ่นชัด รสลึก และมีความเป็น "โชว์"

  • เหมาะกับการนำเสนอในร้านกาแฟระดับพรีเมียม

📌 ต้องการความรู้ทางฟิสิกส์เล็กน้อย และความชำนาญด้านการควบคุมอุณหภูมิ

🎓 เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ที่ไหน?

หากคุณหลงใหลในกลิ่นกาแฟ ความแม่นยำ และศิลปะในการเสิร์ฟ และอยากทำเป็นอาชีพจริงโรงเรียนมารุสอนอาชีพการเรือสำราญและการโรงแรมคือทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนรู้พื้นฐาน และการเตรียมความพร้อมสู่สายอาชีพบริการระดับนานาชาติ

💼 หลักสูตร Barista และเครื่องดื่ม โดยโรงเรียนมารุ

🔍 รายละเอียดหลักสูตร:

  • ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ และการคั่ว

  • ฝึกใช้ เครื่องชง Espresso, Pour Over, Cold Brew, Syphon และอื่น ๆ

  • การสตีมฟองนมและ ลาเต้อาร์ต อย่างมืออาชีพ

  • การบริหารจัดการร้านกาแฟและการออกแบบเมนู

  • การบริการลูกค้าสไตล์โรงแรมและเรือสำราญ

👨‍🏫 เรียนกับครูผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์จากร้านกาแฟและโรงแรมจริง📈 มีเวิร์กช็อป และฝึกงานจริงในสถานประกอบการ

✅ เหมาะสำหรับผู้ไม่มีพื้นฐาน / ผู้ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ / ผู้ต้องการทำงานสายโรงแรม เรือสำราญ หรือเปิดร้านเอง

📌 สมัครเรียนได้ที่นี่

โรงเรียนมารุ พร้อมพาคุณจากผู้หลงใหลสู่ผู้ชำนาญกับหลักสูตรที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสายอาชีพเครื่องดื่มและบริการ

🧾 สรุป: บาริสต้า = นักปรุงรสชาติ + นักบริการ + นักสร้างความสุข

กาแฟไม่ได้มีแค่วิธีเดียวในการชง และแต่ละแบบก็ไม่ใช่แค่ "ต่างกัน" แต่มี "ตัวตน" ของมันบาริสต้าที่เข้าใจวิธีชงต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง จึงสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้ทุกแก้ว

และหากคุณอยากเริ่มต้นเส้นทางสายกาแฟอย่างมั่นคงและมีทักษะครบโรงเรียนมารุพร้อมเป็นก้าวแรกที่พาคุณเติบโต

📍 เริ่มต้นวันนี้กับหลักสูตรคุณภาพ👉 www.maruchot.com


Comments

Rated 0 out of 5 stars.
No ratings yet

Add a rating
bottom of page